นักดื่มประจำที่ไม่เคยเมา อาจมีตับแย่กว่าคนที่เมาบ่อย!
- น.พ.บรรลือ
- 14 พ.ค.
- ยาว 1 นาที

นักดื่มประจำที่ไม่เคยเมา อาจมีตับแย่กว่าคนที่เมาบ่อย!
หลายคนอาจคิดว่า การไม่เมา เป็นสัญญาณว่าตับแข็งแรง สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้เรื่อยๆ โดยไม่มีปัญหา แต่รู้หรือไม่ว่า นักดื่มประจำที่ดูเหมือนไม่เคยเมาอาจมีความเสี่ยงตับเสียหายมากกว่าคนที่เมาบ่อยเสียอีก!
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? มาหาคำตอบพร้อมกันครับ
ทำไมคนที่ดื่มประจำแต่ไม่เมา ถึงเสี่ยงที่ตับแย่เสียหายมากกว่า?
การที่บางคนดื่มแล้วไม่เมาหรือเมาช้า อาจเกิดจาก ความสามารถของร่างกายในการจัดการกับแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการทำงานของเอนไซม์ Alcohol Dehydrogenase (ADH) และ Aldehyde Dehydrogenase (ALDH) ที่ตับใช้ในการสลายแอลกอฮอล์
คนที่เมาง่าย → ร่างกายอาจกำจัดแอลกอฮอล์ได้ไม่ดี ทำให้รู้สึกเมาเร็ว และมักหยุดดื่มเอง
คนที่ดื่มแล้วไม่ค่อยเมา → ร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้ดี แต่กระบวนการนี้สร้าง สารพิษสะสมในตับ โดยไม่รู้ตัว
งานวิจัยจาก **มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) พบว่า กลุ่มคนที่ดื่มบ่อยแต่ไม่ค่อยเมา มักมีระดับเอนไซม์ตับสูงขึ้น (AST/ALT) ซึ่งเป็นสัญญาณของตับอักเสบ แม้จะไม่รู้สึกผิดปกติก็ตาม
อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าตับกำลังพัง?
แม้จะไม่เมา แต่หากดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรสังเกตสัญญาณเหล่านี้:
อ่อนเพลียง่าย
ท้องอืด คลื่นไส้บ่อย
ปวดชายโครงขวา (ตำแหน่งของตับ)
ตาเหลือง ตัวเหลือง
หากมีอาการเหล่านี้ ควรตรวจสุขภาพตับโดยด่วน!
วิธีดูแลตับสำหรับคนที่เลิกดื่มไม่ได้
หากจำเป็นต้องดื่ม ลองทำตามนี้เพื่อลดความเสี่ยงตับเสียหาย:
จำกัดปริมาณ – ผู้ชายไม่เกิน 2 ดริ๊งค์/วัน, ผู้หญิงไม่เกิน 1 ดริ๊งค์
ดื่มน้ำตามมากๆ – ช่วยลดความเข้มข้นของแอลกอฮอล์
กินอาหารก่อนดื่ม – ช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์
ตรวจตับประจำปี – เพื่อคัดกรองภาวะตับอักเสบหรือไขมันพอกตับ
สรุป
การไม่เมาไม่ได้แปลว่าตับแข็งแรงเสมอไป นักดื่มประจำที่ดูเหมือนทนแอลกอฮอล์ได้ดี อาจกำลังสะสมความเสียหายในตับโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรลดปริมาณการดื่ม และตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ เพื่อป้องกันโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับในระยะยาว
อ้างอิง:
Park, S. H., et al. (2018). "Risk of Liver Disease in Heavy Drinkers With High Alcohol Tolerance", Seoul National University Hospital.
World Health Organization (WHO). (2022). Global Status Report on Alcohol and Health.
หากชอบบทความนี้ อย่าลืมแชร์ให้คนรอบตัวรู้ไว้ เพื่อสุขภาพตับที่ดีในระยะยาว!
Comments