top of page

ไม่ดื่มเหล้า ก็เสี่ยงตับพังได้! เพราะอาหารและยาในชีวิตประจำวัน

อัปเดตเมื่อ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา


ไม่ดื่มเหล้า ก็เสี่ยงตับพังได้! เพราะอาหารและยาในชีวิตประจำวัน
ไม่ดื่มเหล้า ก็เสี่ยงตับพังได้! เพราะอาหารและยาในชีวิตประจำวัน

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมาเน้นย้ำถึงความเข้าใจผิดที่ว่า ตับพัง เกิดจากการดื่ม แอลกอฮอล์ เพียงอย่างเดียว แท้จริงแล้ว สุขภาพตับ ของเรายังถูกคุกคามจากปัจจัยใกล้ตัวอย่าง อาหาร และ ยา ที่เราบริโภคกันในชีวิตประจำวัน หากไม่ใส่ใจ ดูแลตับ อย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่ภาวะร้ายแรงอย่าง ไขมันพอกตับ และ ตับอักเสบ ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว


ไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่มาจากอาหารของเรา


หลายคนอาจไม่ทราบว่า อาหาร ที่เราทานทุกวันนี่แหละครับ คือหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะ ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease: NAFLD) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไขมันเกาะตับ  ลองสำรวจพฤติกรรมการบริโภคของเรานะครับว่ามี อาหารแปรรูป อาหารทอด อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และ ฟรุกโตสสูง มากน้อยแค่ไหน เพราะอาหารเหล่านี้ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ไขมันสะสมในตับเกินความจำเป็น จนอาจนำไปสู่การอักเสบของตับ และกลายเป็น พังผืดในตับ ในที่สุด


มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hepatology พบว่า การบริโภค น้ำตาลฟรุกโตส ในปริมาณมากมีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญกับการเพิ่มความเสี่ยงของ NAFLD (R) นอกจากนี้ อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง (Glycemic Index: GI สูง) ยังส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน กระตุ้นการสร้างไขมันในตับ และเพิ่มความเสี่ยง ตับทำงานผิดปกติ ได้



ยาที่ใช้ประจำ...ดาบสองคมที่ต้องใส่ใจ


นอกจากอาหารแล้ว ยา หลายชนิดที่เราใช้กันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น ยาแก้ปวด ยาลดไขมัน หรือแม้แต่ ยาซื้อเอง บางประเภท ก็ต้องผ่านกระบวนการเผาผลาญ (metabolism) ที่ตับ หากเราใช้ ยาเกินขนาด หรือ ใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ อาจเป็นภาระหนักต่อ ตับ และทำให้เกิดภาวะ ตับอักเสบจากยา (Drug-Induced Liver Injury: DILI) ซึ่งเป็นอันตรายต่อตับได้


มีรายงานทางการแพทย์ที่เตือนถึงอันตรายของการใช้ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ ตับวายเฉียบพลัน ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต (R) ดังนั้น การใช้ ยา ทุกชนิดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพื่อ ป้องกันตับถูกทำลาย


สัญญาณอันตราย! เมื่อตับเริ่มมีปัญหา


ในระยะเริ่มต้นของ โรคตับ หรือภาวะ ตับผิดปกติ มักจะไม่มีอาการแสดงออกมา ทำให้หลายคนมองข้าม แต่เมื่อ ตับ เริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจมีสัญญาณเหล่านี้ปรากฏขึ้น ซึ่งไม่ควรมองข้าม:


  • อ่อนเพลียเรื้อรัง เหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุ

  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย

  • ปวดท้องด้านขวาบน หรือรู้สึกแน่นท้อง

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง (เป็นอาการที่รุนแรงขึ้น)


หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อ ตรวจตับ วินิจฉัยหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อ ฟื้นฟูตับ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากขึ้น

วิธี "ดูแลตับ" ง่ายๆ เริ่มได้เลย!


การ ดูแลสุขภาพตับ ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สามารถช่วยให้ ตับแข็งแรง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหา ตับเสื่อม ได้


  1. เลือกทานอาหารบำรุงตับ: เน้น อาหารที่มีประโยชน์ต่อตับ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนLean และลด อาหารทำลายตับ อย่างอาหารแปรรูป อาหารทอด อาหารหวานจัด และ อาหารไขมันสูง

  2. ควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันในตับ: หากมีน้ำหนักเกิน ควร ลดน้ำหนัก อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงของ ไขมันพอกตับ

  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การ ออกกำลังกาย ช่วยลดไขมันทั่วร่างกาย รวมถึงไขมันที่สะสมใน ตับ ด้วย

  4. ใช้ยาอย่างถูกวิธี: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ไม่ซื้อ ยา มารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพื่อ ป้องกันตับอักเสบจากยา

  5. หลีกเลี่ยงสารพิษ: ลดการสัมผัส สารเคมี มลภาวะ และสารพิษต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อ ตับ

  6. ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ: การ ตรวจสุขภาพ รวมถึงการ ตรวจการทำงานของตับ ช่วยให้เราทราบภาวะสุขภาพ ตับ หากพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น จะได้ รักษาตับ ได้ทันท่วงที และ ป้องกันโรคตับ ที่รุนแรงขึ้น

  7. เสริมด้วยอาหารเสริมบำรุงตับ: ในบางกรณี การเลือกใช้ อาหารเสริมบำรุงตับ ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีงานวิจัยรองรับ อาจช่วย ฟื้นฟูตับ และ ปกป้องตับ ได้ (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้)


สรุป:


อย่ามองข้ามภัยเงียบจาก อาหาร และ ยา ที่สามารถทำร้าย ตับ ของเราได้ แม้ว่าคุณจะไม่ดื่ม แอลกอฮอล์ การใส่ใจ ดูแลตับ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การใช้ยาอย่างระมัดระวัง การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้ ตับ ของคุณแข็งแรง ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งผลดีต่อ สุขภาพ โดยรวมในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาวิธี บำรุงตับ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ สุขภาพตับ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ



อ้างอิง

  • How high fructose intake may trigger fatty liver disease (R)

  • Acetaminophen-Induced Hepatotoxicity: a Comprehensive Update - J Clin Transl Hepatol. 2016 Jun 15;4(2):131–142. doi:10.14218/JCTH.2015.00052



Comments


บัซ เอ็น บาย
88/4 ม.4 คลองสอง
คลองหลวง ปทุมธานี 
12120
qr.png

082-4197445

© 2025 by ทีมงาน Heka Care

bottom of page